วันเสาร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ชะโงกทริบ.. ระนอง สุราษฎร์ กระบี่ พังงา

สวัสดีครับ..วันหยุดยาว 5 วันเนื่องในวันแรงงานและวันฉัตรมงคลที่ผ่านมา ผมและครอบครัว ว่างจัดไม่รู้จะทำอะไร เลยพากันขับรถไปเยี่ยมหลานที่จังหวัดระนอง เพราะหลานทำงานที่นั่น คุณหลานเลยจัดโปรแกรมให้ว่าพวกเราควรขับรถแวะเทียวกันไปเรื่อยๆ โดยมีจุดหมายปลายทางที่กระบี่ ว่าแล้วตกลงโอเคเซเยสกันตามนี้

คืนแรกเราขับรถไปนอนค้างที่บ้านเชิงเขารีสอร์ท อยู่ที่จังหวัดระนอง ราคาห้องพักคืนละ 890 บาท สำหรับที่นี่ผมว่า สู้ เลอ สริน ชาเล่ย์ ไม่ได้ครับ ทั้งที่นอนและห้องน้ำ ที่เลอ สริน กินขาด








Breakfast ที่นี่เป็นอเมริกันเบรกฟัดทั่วไป รสชาติจืดชืดครับ







หลานพาไปทาน dinner เมื่อคืนที่ร้านครัวป.ต.ท. 
ใบเหลียงผัดไข่ 

ห้อยจ๊อปู
ปลาผัดพริกแกง

ผัดกะปิใส่กุ้งและสะตอ
อาหารที่ร้านนี้อร่อยมากผมคอนเฟิร์ม

สำหรับที่ระนองนี้ผมมาที่นี่เป็นครั้งที่สองละ และทุกครั้งที่มาก็รู้สึกติกอกติกใจกับบ่อน้ำพุร้อน รักษะวาริน มากๆเลย มาเยือนครั้งแรกมาแช่เท้าที่บ่อน้ำแร่ มารอบนี้มานอนที่หินร้อน เพื่อบำบัดอาการปวดเมื่อย หินร้อนนี้จะเป็นลานปูซีเมนต์ ข้างใต้จะมีบ่อน้ำแร่ที่ส่งผ่านความร้อนมายังปูนซีเมนต์อีกต่อ ทำให้ลานปูนมีความร้อนจัด ต้องเอาผ้ามาปูรองนอนหรือนั่ง มิเช่นนั้นผิวอาจไหม้ได้ และที่สำคัญกว่าคือ อาการคันจากความสกปรก เพราะหลายตีน หลายเท้าที่เหยียบย่ำบนลานซีเมนต์นี้ 


แปดโมงเช้าสายแล้ว เราออกเดินทางกันต่อมุ่งหน้าไปยังอำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี เราเลือกใช้เส้นทางพะโต๊ะ ชุมพรกัน ระหว่างทางหิวๆ ได้แวะชิมขนมจีนเจ้าเด็ด ที่คุณหลาน recommend  ขนมจีนที่นี่มีทั้งน้ำยาแกงไก่ น้ำยาแกงไตปลา น้ำพริก น้ำยาป่า  ราคาก็แสนถูกจานละ 40 บาท 



ความเด็ดของที่นี่คือใครมีปัญญากินผักได้เยอะก็กินไป นานาชนิดผักที่เอามาลวกกินกับขนมจีน

นี่ก็อร่อยมาก
ขับมาเรื่อยๆ ก็ถึงแล้ว อำเภอไชยา ที่มีไข่เค็มอร่อยและขึ้นชื่อโด่งดัง แต่เราไม่ซื้อไข่เค็มเพราะกินบ่อยแล้ว เรามาสักการะพระธาตุไชยา... วัดพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก เป็นสถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพุทธเจ้า เป็นสถานที่สำคัญคู่บ้านคู่เมือง ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี และเป็นหนึ่งในสามของ โบราณสถานอันศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพบูชาของภาคใต้ (พระบรมธาตุไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี เจดีย์พระมหาธาตุวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดนครศรีธรรมราช และพระพุทธไสยาสน์ในถ้ำคูหาภิมุข บริเวณวัดคูหาภิมุข จังหวัดยะลา) พระบรมธาตุไชยาสร้างในสมันศรีวิชัย พุทธศตวรรษที่ 13 - พุทธศตวรรษที่ 14 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ผมได้มีโอกาสมาเห็นงานก่ออิฐถือปูนตามแบบศิลปะศรีวิชัย พูดแล้วน้ำตาจะไหล ช่างงดงามอะไรเช่นนี้ 




งดงามเหนือคำบรรยาย








พระพุทธรูปศิลาแลง


ผู้หญิงคนนี้คงขอหวย


ซุ้มประตูอลังการงานสร้าง


ชอบงานจิตรกรรมภาพเขียนนี้จัง



อากาศร้อนสุดๆ ขณะนี้เป็นเวลาเที่ยงตรง พระอาทิตย์ตั้งฉากบนศีรษะพอดิบพอดี ร้อนจนแทบละลาย รีบบึ่งรถออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังกระบี่ต่อเลย 

เมื่อถึงกระบี่สิ่งแรกที่ต้องทำคือหาที่พัก ต้องบอกเลยว่าที่พักหายากมาก ตระเวณหากันมาหลายที่ใช้เวลาไปเกือบสองชั่วโมงกว่าจะได้ที่ NK. Hometel คืนละ 1200 บาท ไม่มีอาหารเช้านะครับ
คุ้มครับ เพราะสามารถเลื่อนเตียงนอนเด็กที่ซ่อนอยู่ด้านข้างออกมานอนได้เพิ่มอีก 1 คน





วิวจากห้อง

ยังไม่มืดไม่ค่ำออกเที่ยวกันต่อ มาถึงกระบี่ต้องไปเที่ยวสุสานหอย 75 ล้านปี เป็นซากฟอสซิลหอยจนกลายเป็นลานหิน


จากนั้นเราขับรถไปชมอ่าวนาง ทั้งคนไทย และชาวต่างชาติเยอะมาก เราเลยเปลี่ยนใจไม่แวะดื่มด่ำบรรยายกาศที่นี่ แต่เปลี่ยนไปเดินถนนคนเดินกระบี่แทนครับ

แยกมนุษย์วาวร

โรตีเจ้าเด็ด ต่อคิวเยอะมาก





ถนนคนเดินกระบี่



อาหารค่า สุกี้ทะเล
วิวจากห้องพักที่โรงแรม สามารถมองเห็นอนุสาวรีย์ปูดำ รับแขกตลอดๆ
เขาขนาบน้ำ




แยกช้างคาบดาบ

ตื่นสายๆ ราวๆแปดโมง เก็บของมุ่งหน้าออกเดินทางไปเที่ยวต่อที่พังงา แต่ต้องเติมพลังก่อน ที่กระบี่ติ่มซำ กินหมดในพริบตา



ไปต่อกันที่สระมรกตครับ

ปากทางเข้า


ต้องเดินเท้าเข้าไปอีก 800 เมตร ร้อนมาก ลมไม่มีพักเลย
 
คนเยอะมากไม่กล้าลงเล่นน้ำเลย แดดร้อนสุดๆ

สระมรกต น้ำเขียวใส น่าแหวกว่าย





มุ่งหน้าไปต่อที่พังงาครับ ค่ำคืนนี้เราจะไปพักที่เขาหลัก ระหว่างทางได้แวะทานอาหารเที่ยงกันที่ 
Dairy Hut Farm  เป็นร้านอาหารซีฟู้ด และเยี่ยมชมฟาร์มแกะ ม้า อูฐ 








ร้อนๆแบบนี้ต้องน้ำมะนาวเท่านั้น

ฝาละ 45 บาท หอยใหญ่มาก

ส้มตำปูม้า
ไก่บ้านผัดกะเพรา

อันนี้โดน หล่นปู 250 บาท คุ้ม
คอหมูย่าง

หลังทานมื้อเที่ยงเสร็จ เรามุ่งหน้าไปหาเช่าเรือเพื่อเที่ยวชมเกาะน้อยเกาะใหญ่ ใกล้ๆ ส่วนใหญ่ผู้ประกอบการจะผูกขาดกับทัวร์ ไม่ค่อยรับขาจรเหมือนกลุ่มเรา แต่ท้ายที่สุดเราก็หาเช่าเรือ โดยเหมาลำเรือไปเที่ยวชมจนได้ที่ "หาดในหงบ" ขอแนะนำคุณผู้อ่านทุกท่านเลยครับ ว่าเหมาลำไปเลยส่วนตัวดี
 1-5 คนคิดราคา 1500 บาทต่อลำ จัดไปโลด
สองข้างทางเป็นป่าชายเลน



เกาะหมาจู เหมือนว่ะ

เกาะปันหยีครับ

ขึ้นมาเที่ยวบนเกาะปันหยี


กำลังมีการแข่งขันปันหยีคัพ กองเชียร์เต็มไปหมด ทั้งหนุ่มๆ สาวเล็กสาวน้อยกรี้ดสนั่น




สนามฟุตบอลกลางน้ำ

เจ้าเหมียวขนฟู แมวบนเกาะนี้ทุกตัวเป็นแมวไทยแต่ขนฟูทุกตัว
สงสัยว่าบรรพบุรุษของพวกมันจะเป็นเปอร์เซียผสมแมวไทย ตัวใหญ่ด้วย






เขาตะปู

เขาตะปู

เขาตะปู




เห็นหรือเปล่าภาพเขียนผนังถ้ำ ก่อนประวัติศาสตร์

ชัดๆ


ถ้ำลอด


ถ้ำลอด

ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อย


รังนกนางแอ่น

หมดทริบ ล่องเรือเบาๆกลับเข้าฝั่ง


เชิญทุกท่านมาเช่าเหมาลำเรือได้ที่นี่ รายได้ชาวบ้านก็แบ่งกันไป ไม่ได้ผูกขาดกับผู้ประกอบการรายใหญ่
ออกเดินทางไปถึงเขาหลักมืดค่ำแล้ว คืนนี้เราได้จองที่พักที่ จีรัง โฮเทล คืนละ 700 บาท อยู่ติดแมคโดนัลเขาหลักเลย ห้องพักเหลือเพียง 2 ห้อง แถมแอร์ไม่เย็นอีกต่างหาก นอนไปสักพักไฟดับ เวรกรรมแท้ ผมไม่ค่อยปลื้ม เลยไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ชมครับ อาหารค่ำมื้อนี้ เป็นอาหารจานเดียวง่ายๆ หาร้านใกล้ๆที่พักเพราะทุกคนหมดแรงและเหนื่อยมาทั้งวัน ร้านอาหารไทย แต่รสชาติฝรั่ง ไม่ค่อยเวิร์ค





ตื่นเช้าเสร็จอาบน้ำแต่งตัวต้องรีบกลับครับบ้านไกล แต่เมื่อมาถึงเขาหลักทั้งทีจะไม่ชมทะเลได้ไง
เขาหลักวันนี้ ผมว่าดูเศร้าๆ ครับ 

ด้วยชายหาดที่ทอดยาวและไม่มีเกาะกลางทะเลไว้กำบัง ทำให้เกิดคลื่นสึนามิซัดเข้าเต็มๆ


ขอมีส่วนร่วม



มาดูเรืออารักขาคุณพุ่ม เศร้าครับ
 ออกเดินทางต่อมายังตะกั่วป่า แวะทานอาหารเช้าที่ร้านอิสลามแห่งหนึ่ง
เป็นร้านข้าวหมกไก่ บอกได้คำเดียวว่าฟิน

โรตีแกงไก่มัสมั่น อร่อยแต่เผ็ด

ชาโบราณ หวานเจี๊ยบ
แวะคุระบุรี รีสอร์ท ซื้อกาแฟสักแก้ว

ที่พักที่นี่น่าพักมากจริงๆ สงบมาก
มาถึงระนองแล้ว เป็นเวลาเที่ยงพอดี เติมพลังก่อนที่ร้านกระติ๊บ ระนอง







เวลายังเหลือตะลุเที่ยวระนองต่อที่พระราชวังรัตนรังสรรค์ 
พระราชวังรัตนรังสรรค์ สร้างโดยพระยารัตนเศรษฐี (คอมกิมก๊อง) เจ้าเมืองระนองในขณะนั้น เมื่อรัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสหัวเมืองปักษ์ใต้เป็นครั้งแรก ท่านเจ้าเมืองจึงได้สร้างพลับพลาที่ประทับรับเสด็จ 


ระยอง แคนยอน

ระยอง แคนยอน เกิดจากการทำเหมืองในอดีต โดยเป็นเหมืองแบบฉีดน้ำให้กัดเซาะดินปนแร่จากตัวภูเขาลงมาให้สะสมในแอ่งน้ำ จากนั้นจะสูบน้ำในแอ่งแล้วค่อยไปทำการแยกแร่อีกต่อหนึ่ง เมื่อก่อนเรียกแอ่งนี้ว่า บึงมรกต
 เป็นเหมืองดินขาวที่เอาไปทำจานกระเบื้อง ถ้วยกระเบื้อง

 


ก่อนกลับมาแวะทานไอติมที่ได้รางวัลชนะเลิศ

ไอติมกะทิ ถ้วย 20 บาท Topping เพียบ

มีสามรส ช้อคโก กะทิ และมะนาว
ถึงเวลาแล้วครับต้องอกเดินทางกลับบ้านกันต่อ อีกตั้งสี่ชั่วโมงกว่าจะถึงบ้าน ชะโงกทริต้องจบลงแต่เพียงเท่านี้ เจอกันใหม่ next trip 











ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น