วันเสาร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2557

ร้อยเอ็ด...สิบเอ็ดประตูเมืองงาม เรืองนามพระสูงใหญ่ ผ้าไหมสาเกต บุญผะเหวดประเพณี มหาเจดีย์ชัยมงคล งามน่ายลบึงพลาญชัย เขตกว้างไกลทุ่งกุลา โลกลือชาข้าวหอมมะลิ

สวัสดีครับ...เมื่อหลายสัปดาห์ก่อนผมได้มีโอกาสไปทำงานที่จังหวัดร้อยเอ็ด เมืองที่ขึ้นชื่อว่าผู้คนใจดีน่ารักมากครับ การเดินทางในครั้งนี้โดยสายการบินนกแอร์ เนื่องจากมีสายการบินเดียวที่มีในจังหวัดร้อยเอ็ด และมีเที่ยวเดียวต่อวันด้วย มันเก๋ตรงนี้ล่ะ แอบสอบถามน้องแอร์ได้ความว่าตั้งแต่เดือนตุลาคม 57 เป็นต้นไปจะเพิ่มเที่ยวบินไปสองเที่ยวต่อวันครับ
 
ที่ร้อยเอ็ดมีสนามบินเล็กๆ ทำให้หวนคิดถึงสนามบินที่หลวงพระบาง เล็กๆ แต่อบอุ่น ที่จังหวัดนี้ไม่มีแท็กซี่บริการ แต่จะมีรถของชาวบ้านมารับจ้างรับส่งผู้โดยสาร ค่ารถตกอยู่ประมาณ 200-300 บาทต่อคน ราคาแพงมาก เพียงแค่ 19 กิโลเมตรเข้าไปตัวอำเภอเมือง โรงแรมที่ผมพักและทำงานคือโรงแรมเพชรรัชต์ การ์เด้นท์ครับ
 


  

พนักงานที่โรงแรมนี้บริการดีครับโดยรวมสภาพโรงแรมเก่า แต่สะอาด เครื่องสุขภาพเก่าโทรมไปหน่อย แต่ราคาห้องพักถือว่าไม่แพง สมราคา ผมมาถึงร้อยเอ็ดเช้ามาก แปดโมงกว่าๆ ได้ จึงขอเช็คอิน เข้าพักก่อน ทริปท่องเที่ยวเริ่มขึ้นตอนสายๆนี่เอง 

                ร้านก๋วยจี๊บพลสุวรรณ เป็นร้านก๋วยจั๊บญวนที่โ่ด่งดังขึ้นชื่อของร้อยเอ็ดครับ ราคาชมละ 40 บาท ถูกกว่าค่ารถที่ผมนั่งมาจากโรงแรมอีกครับ รับรองว่าอร่อยคอนเฟิร์มครับ

จากนั้นผมได้เดินไปวัดเหนือ เป็นวัดเก่าแก่ที่สุดในจังหวัดร้อยเอ็ด สัณนิษฐานว่าบริเวณนี้น่าจะเคยเป็นจุดศูนย์กลางของชุมชนโบราณที่มีอายุกว่า ๑๐๐๐ ปีล่วงมาแล้ว วัดนี้โด่งดังเรื่องอุโบสถ หรือสิม ศิลปะแบบล้านช้าง และมีเจดีย์ (พระธาตุยาคู) เป็นต้นแบบของเจดีย์ทางอีสาน
  


เสร็จจากวัดเหนือไปต่อที่สวนสาธารณะที่ผมคิดว่างดงามที่สุดที่เห็นมาคือ บึงพลาญชัย










                                                 
                                                  ถึงเวลาลิ้มลองอาหารอีสานแล้ว มาถึงถิ่นทั้งที
                                                  โชคดีที่ผมมีเพื่อนทำงานรับราชการที่ร้อยเอ็ด
                                                  เลยพาผมตระเวนกินตลอดสองวัน ร้านนี้ชื่อว่า                                                     ลาวๆ ส้มตำรสชาติออกหวานๆ ปลาเผาก็                                                             หวานๆ นิดนึง เลยเดาเอาว่าคนที่นี่ชอบกินรส                                                       หวาน

ซ้ายมือเป็นรูปวัดบึงพลาญชัย วัดนี้สำคัญตรงที่สมัยก่อนยามศึกสงคราม นักรบที่ออกศึกกลับมาจะใช้น้ำในบ่อศักดิ์สิทธิ์นี้ทำพิธีล้างดาบเพื่อป้องกันวิญญาณที่นักรบไปเข่นฆ่าศัตรูมา





ส่วนรูปขวามือนี้วัดบูรพาถิราม มีพระพุทธรูปที่สูงที่สุดในโลก องค์พระพุทธรูปตั้งเด่นเป็นสง่ามาก มองจากมุมไหนของเมืองก็จะเห็นครับ










วัดกลางมิ่งเมือง เป็นวัดสำคัญ สัณนิษฐานว่าวัดสร้างมาตั้งแต่เมืองร้อยเอ็ดอยู่ในการปกครองของขอม

 ฮูปแต้ม คือ ภาพเขียน จิตรกรรมฝาผนังที่เขียนไว้ตรฝผนังด้านนอกรอบอุโบสถ บอกเล่าเรื่องราวพุทธประวัติ และทศชาดก ใช้สีโทนเย็น สีฟ้าคราม สวยแปลกตามาก






มาดูกันต่อกับร้านอาหารที่อร่อยในร้อยเอ็ดกันครับ ร้านแรกคือสุกี้ลาว อยู่ใกล้ๆกับโรงแรมเพชรรัตช์ การ์เด้นท์ คนเยอะมากเนื่องจากติดโรงเบียร์ อาหารอร่อย โดยเฉพาะหมูจุ่ม เด็ดมาจริงๆ




ร้านถัดมาเป็นร้านรองรับแขกบ้านแขกเมืองเลยก็ว่าได้ ชื่อร้าน
 จ้อก้อฟาร์ม เน้นขายอาหารทะเล
อาหารอร่อยสมราคาที่แพง พอๆกับร้านอาหารในกรุงเทพเลยทีเดียว บรรยากาศดี ฟังเพลงเพื่อชีวิตเพราะๆ

 และทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณเพื่อนของผมที่พาผมกินและเที่ยว ในจังหวัดร้อยเอ็ด ที่สำคัญขอบคุณที่ทำงานที่ส่งผมมาทำงานที่จังหวัดนี้ เพราะไม่มีลิสในรายการท่องเที่ยวของผมเลยว่าจะมาเยือนจังหวัดนี้ ถ้ามีโอากาสจะกลับมาอีกครั้ง เพราะสถานที่เที่ยวหลักๆ จะอยู่ต่างอำเภอรอบนอกครับ ไว้พบกัน...

ร้อยเอ็ด..เมืองที่ขึ้นชื่อว่าผู้คนใจดี น่ารัก ประทับใจมิรู้ลืม

วันอังคารที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

กาลครั้งหนึ่ง.......ที่หาดใหญ่

ทริปนี้แด่แม่ที่รักยิ่ง...
ผมตั้งใจมากที่จะมาเที่ยวหาดใหญ่ เนื่องจากผมยังไม่เคยมาเที่ยวใต้เลยสักครั้ง ปีนี้เลยถือโอกาสลางานพาคุณแม่เหินฟ้าด้วยสายการบินนกแอร์ไปเที่ยวหาดใหญ่และสงขลา

ด้วยเราสองแม่ลูกไม่มีรถและไม่อยากขับรถในที่ต่างถิ่นจึงตัดสินใจโบกรถไปเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวแทน เมื่อเดินทางไปถึงสนามบินเราใช้บริการรถแท็กซี่ของสนามบินให้ไปส่งที่โรงแรมในตัวเมืองหาดใหญ่ ซึ่งรถแท็กซี่คิดราคาเหมา 200 บาท

สำหรับโรงแรมที่เราเลือกพักคือ Asian Hotel อยู่ใกล้ตลาดกิมหยง ซึ่งผมคิดว่าโดยรวมก็โอเคนะครับ แอร์เย็น น้ำไหลแรง ห้องพักก็นอนหลับสบายดี แต่บรรยากาศโดยรวมของโรงแรมจะดูเงียบๆ อึมครึม ไม่ค่อยสดใส ซึ่งช่วงที่ผมไปเป็นช่วง Low Season ฝนตกทั้งวันและมีนักท่องเที่ยวน้อยมาก
และด้วยความที่คนขับรถแท็กซี่ค่อนข้างจะไม่เรื่องมากดี และเป็นคนท้องถิ่น ผมจึงตัดสินใจเลือกจ้างเหมารถครึ่งวันเพื่อไปเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวในตัวเมืองสงขลา เช่น หาดสมิหลา เขาตังกวน เกาะยอ โดยคิดราคา 1500 บาท ครับ จากที่ผมลองหาข้อมุลจากพันทริบ ปกติราคาเหมาทั้งวันจะคิดที่ 1500-2000 บาท แต่นี่เราจ้างเพียงครึ่งวัน เอาเถอะครับ...ในเมื่อมาถึงที่ละ ต้องลงทุนครับ ไม่งั้นจะอดเที่ยว

ที่แรกที่เราสองแม่ลูกไปคือ   ไปหาข้าวกินที่เกาะยอที่ร้านชมจันทร์ครับ  บรรยากาศดีมาก สำหรับรสชาติอาหารผมว่าไม่ค่อยเท่าไหร่ โดยเฉพาะไข่เจียว เหมือนมีน้ำราดหวานๆบนไข่เจียวอีกที ผมอาจไม่คุ้นเคยก็เป็นได้ อิ่มแต่ไม่ฟิน..จ่ายไป 462 บาท










มุ่งหน้าไปต่อกันที่หาดสมิหลา...ฝนเริ่มตกโปรยปราย แต่ด้วยที่ผมต้องการถ่ายรูปกับนางเงือกไงก็ต้องไปครับ  แหม...เสียดายมารู้ทีหลังจบทริป เพื่อนบอกว่าหนุ่มๆส่วนใหญ่เขาไปจับนมนางเงือกกัน เชื่อกันว่าจะได้เมียเป็นคนหาดใหญ่ เป็นเขยหาดใหญ่ ว้า...เสียดายอ่ะ

ไปต่อกันที่เขาตังกวน ขึ้นเขาไปโดยรลิฟท์สุดไฮเทค เสียตังค์ 30 บาทครับ  แต่เจ้ากรรมครับ ฝนตกหนักมาก เลยอดดูทัศนียภาพอันงดงามของเมืองสงขลา 
บนเขาตังกวนมีอะไร เป็นที่ประดิษฐาน พระเจดีย์หลวง พลับพลาที่ประทับรัชกาลที่ 4 มีประภาคาร เมื่อรัชกาลที่ 4 เสด็จพระราชดำเนินประพาสเมืองสงขลา ได้โปรดเกล้าฯ ให้ทำการบูรณะปฏิสังขรณ์พระเจดีย์ให้สูงใหญ่กว่าของเก่า ต่อมาในรัชกาลที่ 9 พระราชทานพระบรมสารีริกธาตุประดิษฐานไว้
 


 



ฝนตกหนักขึ้นทุกทีกลับหาดใหญ่ดีกว่า เราไปแวะไหว้พระนอนที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของโลกกันที่วัดหาดใหญ่ในหรือวัดมหัตตมังคลารามครับ ไปถึงวัดปิดแล้ว แต่เยี่ยมชมภายนอกได้ครับ  โอ้โหใหญ่เหลือเชื่อครับ พระพุทธมหัตตมงคล ซึ่งเป็นพระนอนที่มีความยาวถึง 35 เมตร สูง 15 เมตร กว้าง 10 เมตร นั้นงดงามตระการตายิ่งนัก

จากข้อมูลท่องเที่ยวทำให้เราต้องไปเยี่ยมชมความงามที่วัดจีนที่ชื่อ วัดฉื่อฉาง วัดนี้ผมไม่ทราบความสำคัญแต่ผมชื่นชอบศิลปะการเพ้นท์กระเบื้องครับ สุดยอดอลังการงานสร้างมาก

 



 
ก่อนที่จะให้รถแท็กซี่พาเรากลับโรงแรม ผมต้องเห็นตึกเก่าแก่สไตล์ชิโนโปรตุกีสให้ได้ ซึ่งคุณพี่แท็กซี่
เขาไม่รู้จักครับ เราวนรถหาว่าอยู่บนถนนเส้นไหนกว่าจะเจอก็นานอยุ่ครับ และแล้วก็เจอ...นอนหลับละเรา

ยังไม่จบโปรแแกรมวันแรกที่หาดใหญ่ครับ ค่ำๆเราออกไปหาของอร่อยกินกันสองคนแม่ลูก นั่งรถตุ๊กๆไปตลาดใหม่เพื่อไปร้านเป็ดย่างฮ่องกง จากแผนที่บอกว่าอยู่ตรงข้ามโรงแรมแอมบาสเดอร์ เมื่อไปถึงเราถึงกับเหวอครับ   ไม่มีป้ายร้านนี้ละแวกย่านตลาดใหม่ เอาละสิ....เดินสำรวจสองสามรอบ เห็นว่าร้านที่ชื่อ หนานหยวน คนต่อคิวซื้อเยอะมาก ไม่รอช้า ตามมาดูเลยครับ...เด็ดสุดๆไปเลยคือสลัดกุ้งกรอบครับ


เช้านี้ที่หาดใหญ่ครับ....เราเดินไปเยี่ยมชมตลาดกิมหยงยามเช้า โชคดีครับได้ทำบุญใส่บาตรพร้อมคุณแม่ ซึ่งเป็นโอกาสที่หาได้ยาก เพราะเราทั้งคู่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ตลาดกิมหยงยามเช้า ร้านรวงยังไม่เปิดครับเป็นตลาดสายๆ เราเลยวางแผนจะกลับมาซื้อของฝากกันใหม่อีกครั้ง และไปหาของกินยามเช้ากัน

อาหารขึ้นชื่อของที่นี่คือ ติ่มซำครับ เรานั่งตุ๊กๆไปอีกครั้งที่ร้าน โชคดีแต้เต๊ยม ติ่มซำราคาเข่งละ 16 บาท ผมและแม่ชอบบะกุ๊ดเต๋ครับ รสชาติล้ำเลิศเป็นที่สุด
 

 หลังจากอาบน้ำอาบท่ากันแล้วก็ไปเดินเล่นที่ห้างลีการ์เด้นท์กันครับ เป้นห้างเล็กๆ เงียบเชียบมาก ย้อนกลับไปที่ตลาดกิมหยงเพื่อหาซื้อของฝากกันต่อ ของฝากที่ขึ้นชื่อและใครก็ต้องฝากซื้อคือ มะม่วงเบา ถั่วพิตาชิโอ และแม็คคาเดเมีย ครับ

ช่วงบ่ายเรานั่งตุ๊กๆออกนอกเมืองไปสวนสาธารณะหาดใหญ่ หรือ Hat Yai Park ครับ  ระยะทางไกลมากเหมือนกัน ตุ๊กคิดราคา 2 คน 100 บาทครับ  จุดสนใจของที่นี่มี Ice dome  และ  Cable Car ในส่วนของเคเบิลคานั้น ผู้สูงอายุไม่คิดราคาครับ ผู้ใหญ่ 100 บาทต่อคน ดูรูปกันครับ

 

 
 


จบทริป 2 วัน 1 คืนที่หาดใหญ่แล้วครับ..ผมรู้สึกแฮบปี้มากกับทริปครั้งนี้ เพราะยิ่งนานวันเรายิ่งได้อยู่กับครอบครัวเราน้อยลง การเดินทางท่องเที่ยวจะช่วยเสริมสร้างความรักและความผูกพันให้ผมกับครอบครัวแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้นครับ และแน่นอนงานนี้คุณแม่แฮบปี้ที่สุดครับ เจอกันใหม่ทริปหน้าสวัสดีครับ